วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประวัติส่วนตัว













ชื่อ  - นามสกุล        นางสาวคำกี่   ลุงจอ
ชื่อเล่น          ข้าวตู
รหัสประจำตัวนักศึกษา  52171331  คพ52.ค5.2
วันเกิด               13  ธันวาคม
สถานที่เกิด        เวียงแหง
สัญชาติ             ไทย       ศาสนา       พุธ
จำนวนพี่น้อง     2 คม      กรุ๊ป  o
นิสัยส่วนตัว       เรียบง่ายฯ   ชอบความสงบ
สิ่งที่เกลียดมากที่สุด         การโกหก   
สิ่งที่ประทับใจที่สุด           ได้คนมีความสุขเห็นทุก
ภาคภูมิใจที่สุด                ได้เรียนอยู่ในรั้วมหาลัย
สิ่งที่ชอบในร่างกาย          ตา  ปาก
สีที่ชอบ          สีฟ้า    เหลือง     ส้ม
สัตว์ที่ชอบ     สุนัข    กระต่าย
อาหารจานโปรด       ยำหน่อไม้    ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก
ผลไม้ที่ชอบ           สับปะรด  แอปเปิ้ล
งานอดิเรก              ฟังเพลง   เล่นอินเทอร์เน็ต  
กีฬาที่ชอบ              ปิงปอง    แบดมินตัน
ดาราที่ชอบ            คลอนซังวู
คติประจำใจ           ความฝัน คือ ความหวัง
ที่อยู่ปัจจุบัน           54  หมู๋ 1  ต.เปียงหลวง   อ.เวียงแหง     จ.เชียงใหม่  50350
E-Mail.          kaowtu13@gmail.com
การศึกษา
 อนุบาล-ประถมศึกษา        โรงเรียนบ้านหลักแต่ง
มัธยมศึกษาตอนต้น           โรงเรียนบ้านเปียงหลวง
มัธยมศึกษาตอนปลาย       เวียงวิทยาคม
อุดมศึกษา                          มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่     
  

สถานที่ท่องเที่ยวในพม่า


พระธาตุอินทร์แขวน
  ตำนานที่ 1 : เล่าว่า ฤาษีติสสะผู้หนึ่งได้รับพระเกศา จากพระพุทธเจ้าที่ได้มอบให้ไว้เป็นตัวแทนพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะเมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ  ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ว่าฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม พอเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร โดยมีความตั้งใจจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของตน  จึงให้พระอินทร์ช่วยหาก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนกับศีรษะ ซึ่งได้มาจากใต้ท้องมหาสมุทร และก็ให้พระอินทร์นำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน จึงเป็นที่มาของชื่อ "พระธาตุอินทร์แขวน" แต่ชาวพม่าและชาวมอญจะเรียกพระธาตุอินทร์แขวนว่า "ไจก์ทิโย" เป็นภาษามอญ หมายถึง เจดีย์บนหินที่มีรูปร่างคล้ายศีรษะฤๅษี

                                                        ตำนานที่ 2 : เล่าว่า มีฤๅษีองค์หนึ่งซ่อนพระเกศาที่ได้รับมาจากพระพุทธเจ้า   เมื่อครั้นมาโปรดสัตว์ในถ้ำไว้ในมวยผมมาเป็นเวลา
นาน เมื่อใกล้ถึงวาระที่จะต้องละสังขารจึงตัดสินใจมอบพระเกศา
ให้กับพระเจ้าติสสะ กษัตริย์ผู้ครองนครแห่งหนึ่ง  ซึ่งเป็นบุตรของ
ลูกศิษย์ ที่นำมาฝากให้ฤๅษีช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก  แต่ก่อนอื่นพระ
เจ้าติสสะต้องหาก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายศีรษะของฤๅษี  โดยมี  พระอินทร์เป็นผู้ช่วยค้นหาจากใต้สมุทรนำมาวางไว้ที่หน้าผา

 ประวัติพระมหาเจดีย์ชเวดากอง


 •   พระมหาเจดีย์ชเวดากอง หรือ เจดีย์ทองแห่งมืองดากองหรือตะเกิง (ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง)แห่งลุ่มน้ำอิระวด มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า มีความสูงถึง ๓๒๖ ฟุต
 • มหาเจดีย์ชเวดากอง : เล่าว่าพระมหากษัตริย์มอญ  คือพระเจ้าโอกะลาปะ  ทรงเลื่อมใสใน ศรัทธาพระพุทธศาสนา  ได้ทรางก่อสร้างองค์พระเจดีย์ชเวดากองขึ้นมาเมื่อกว่า ๒๐๐๐ ปี ก่อน ต่อมาพระมหากษัตริย์มอญและพม่าแทบทุกพระองค์ได้ถือเป็นพระราชภารกิจในการก่อเสริมองค์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสูงถึง ๓๒๖ ฟุต กว้าง ๑๓๕๕ ฟุตในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสมัยพระนางซินสอบู หรือนางพระยาตะละแม่ท้าวเจ้า กษัตรีมอญผู้ครองเมืองหงสาวดี ได้ทรงริเริ่มธรรมเนียมบริจาคทองคำเท่าน้ำหนักพระองค์เองในการบูรณะพระมหาเจดีย์ นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ.๑๙๙๖ (ตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมไตยโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา) จนกลายเป็นพระราชพิธีที่ปฎิบัติสืบต่อกันมา

ชเวมอดอร์ หงสาวดี

 
เจดีย์ชเวมอดอร์ เมืองหงสาวดี หรือที่เราเรียกกันว่า พระธาตุมุเตา เป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุรวม 2 เส้น   มีอายุเก่าแก่กว่า   2,000 ปี เป็นที่เคารพสักการะของทั้งกษัตริย์  มอญ  พม่า  และไทย
เช่น  พระเจ้าราชาธิราชของมอญ พระเจ้าบุเรงนองของพม่า และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทย

พระมหามัยมุนี แห่งมัณฑะเลย์


 เป็นพระพุทธรูปสำริดทรงเครื่องแบบกษัตริย์ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 เมตร เป็นที่ยอมรับกันว่า มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่ง “มหามุนี” แปลว่า “มหาปราชญ์” หล่อขึ้นในราว พ.ศ. 688 โดยชาวยะไข่ ชนกลุ่มน้อยในรัฐอาระกัน ทางทิศตะวันตกสุดของพม่าติดกับประเทศอินเดีย ต่อมาเมื่อพระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่ายกทัพไปตีเมืองยะไข่ได้ จึงโปรดให้ชะลอพระพุทธรูปองค์นี้มาประดิษฐานที่เมืองมัณฑะเลย์ เมื่อ 200 ปีมาแล้ว มีตำนานเล่ากันว่า พระพุทธเจ้าทรงประทานลมหายใจให้พระมหามุนีเป็นตัวแทนสืบทอดพระศาสนา ชาวพม่าจึงเชื่อกันว่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้มีลมหายใจจริง จึงต้องมีพิธีล้างพระพักตร์ให้ทุกเช้า ซึ่งพิธีนึ้ก็ยังคงดำรงอยู่มาตราบจนถึงปัจจุบัน

พระราชวังมัณฑะเลย์ พม่า

 

เมืองมัณฑะเลย์ : ปัจจุบันนี้มีฐานะเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่ารองจาก ย่างกุ้ง เป็นราชธานีสุดท้ายของราชวงศ์พม่า ก่อนที่ระบอบกษัตริย์จะถูกโค่นล้มลงและก่อนจะตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ





 อาณาจักรพุกาม (Pagan Kingdom)




 

อาณาจักรพุกาม (Pagan Kingdom)
         เป็น อาณาจักรโบราณในช่วง พ.ศ. 1587 - พ.ศ. 1830 พุกามเป็นอาณาจักรและราชวงศ์แห่งแรกในประวัติศาสตร์พม่า    มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองพุกามในปัจจุบัน เดิมมีชื่อว่า "ผิวคาม"  (แปลว่า หมู่บ้านของชาวผิว)   เป็นเมืองเล็ก ๆ ริมทิศตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี สภาพส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายแห้งแล้ง เป็นที่อยู่ของชาวผิวซึ่งเป็นชนพื้นเมือง ในปี    พ. ศ. 1587  พุกามถูกสถาปนาโดย  พระเจ้าอโนรธามังช่อพระองค์ต้องทำสงครามกับชาวมอญที่อยู่ทางใต้  จึงได้สถาปนาชื่ออย่างเป็นทางการของพุกามว่า  ตะริมัตระปุระ" (หมายความว่า เมืองที่ปราบศัตรูราบคาบ)รอบ ๆเมืองพุกาม มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ"มินดาตุ" ซึ่เป็นเขตเมืองโบราณ 4 แห่ง ล้อมรอบอยู่ด้ว
ทะเลสาบอินเล



 สะพานอูเบ็ง


  • สะพานอูเบ็ง เป็นสะพานที่ยาวถึง 2 กิโลเมตร ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมาน ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ มุ่งตรงไปสู่เจดีย์เจ๊าต่อจี อยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ พระเจ้าปุดงโปรดฯให้ขุนนางนามว่า “อูเบ็ง” เป็นแม่กองงานสร้างสะพานแห่งนี้ โดยใช้ไม้สักที่รื้อจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะจำนวน 1,208 ต้น


    บริเวณตีนสะพานอูเบ็ง มีจิตรกรพื้นที่มานั่งวาดรูปและผู้เสนอขายผลงานของตัวเอง ราคาก็ไม่แพง และในตอนเย็นๆ ชาวต่างชาตินิยมมานั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกในทะเลสาบ หรือนั่งเล่นที่เก้าอี้หวายของร้านขายเครื่องดื่มริมทะเลสาบ   นอกจากมีบริการเครื่องดื่มแล้ว ยังมีปลาและกุ้งสดๆจากทะเลสาบทอดขายอีกด้วย


มัณฑะเลย์ฮิลล์

 • มัณฑะเลย์ฮิลล์ : คำว่า “มัณฑะเลย์” เพี้ยนเสียงมาจากคำว่า “มันดูลา” หรือ  “มันดาลา” ซึ่งหมาย
ถึงวงล้อแห่งพลังอำนาจ หรือมณฑลอันศักดิ์สิทธิ์   และยังเชื่อว่าสมเด็จพระพุทธเจ้าทรงเคยเสด็จมาโปรดสัตว์ที่ภูเขาแห่งนี้   พร้อมทั้งมีพุทธทำนายว่าจะเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้วยพุทธศาสนา อันเป็นสาเหตุให้พระเจ้ามินดงทรงย้ายราชธานีมาอยู่ใต้ร่มเงาภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (พระตาหวาน)